เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี กับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวกับเมืองต้องห้าม (พลาด)!!

สวัสดีครับท่านผู้ชมที่น่ารักทุกท่าน ตอนนี้หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวแบบ อาร์ท อาร์ท เมืองแห่งสถาปัตยกรรม วันนี้ M.P. จะนำทุกท่านไปเยือน.....เมืองบูดาเปสต์ เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี ซึ่งได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของสหภาพยุโรปและที่สำคัญเมืองแห่งนี้ยังได้รับฉายาว่าเป็น 'ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ' เนื่องจากเป็นเมืองที่รวมทั้งสองเมือง ของสองฝั่งแม่น้ำดานูบ เข้าด้วยกัน ได้แก่ 'บูดา' ฝั่งเมืองเก่า ที่มีบ้านเรือน มีอาคารที่มีสถาปัตยกรรมทมากมาย และ 'เปสต์' ฝั่งเมืองใหม่ ที่ผู้คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นย่านการค้าที่สำคัญของประเทศ เมืองนี้เวลาใครจะมาเที่ยวยุโรปมักจะไม่ค่อยได้นึกถึงสักเท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้มาสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรัก...Budapest

สะพานเชนเซเชนยี (Széchenyi Chain Bridge)

สะพานเชนเซเชนยีเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำดานูบฝั่งบูดากับฝั่งเปสต์ไว้ด้วยกัน มีความสวยงาม และอลังค์การณ์ ระดับที่นับว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ สะพานเชนเซเชนยีนี้จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองบูดาเปสต์และฮังการี บริเวณคอสะพานมีรูปปั้นแกะสลักสิงโตอยู่ โดยมีตำนานเล่าว่า เป็นสิงโตที่คอยเฝ้าดูแลสะพานแห่งนี้นั่นเอง..

ปราสาทบูดา (Buda Castle)

ปราสาทบูดาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมืองบูดาเปสต์เพราะตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา ตัวปราสาทบูดาแห่งนี้มีความยาวกว่า 300 เมตร ในอดีตเคยเป็นที่พำนักของกษัตริย์ฮังการีและเป็นป้อมปราการสำหรับป้องกันผู้รุกราน ปัจจุบันภายในเป็นที่ตั้งของแกลเลอรีแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ มีทั้งชุดเกราะและของตกแต่งโบราณมากมาย นอกจากภายในที่วิจิตรแล้ว วิวจากบนปราสาทเมื่อมองลงมาเห็นแม่น้ำดานูบนั้นก็สวยงามมากเช่นเดียวกัน

อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungarian Parliament Building)

อาคารรัฐสภาฮังการี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป รูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากรัฐสภาในกรุงลอนดอน สวยโดดเด่นด้วยศิลปะสไตล์นีโอโกธิค ตกแต่งด้วยทองคำกว่า 40 กิโลกรัมและอัญมณี 500,000 ชิ้น มีประตูทางเข้า 27 แห่ง มีห้องต่างๆ กว่า 700 ห้อง และใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 20 ปี จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ต่างก็บอกว่าอาคารรัฐสภาแห่งนี้มีความสวยงามที่สุดในโลก ทุกท่านสามารถเข้าไปเที่ยวชมภายในได้ โดยจะมีไกด์พาเข้าไป ใช้เวลาทัวร์สั้นๆ ประมาณ 45 นาทีเท่านั้น

โรงอาบน้ำเซเชนยี (Széchenyi Thermal Bath)

มาเยือนเมืองบูดาเปสต์ทั้งที สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ การแช่น้ำแร่ในโรงอาบน้ำเซเชนยี โรงอาบน้ำที่มีสปาน้ำพุร้อนใหญ่ที่สุดในยุโรป มีทั้งสระน้ำกลางแจ้งและสระน้ำในร่ม น้ำในสระเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ แต่ละสระมีอุณหภูมิแตกต่างกันออกไปให้ท่านได้เลือกลงไปแช่ได้ตามความเหมาะสม สระน้ำแร่นั้นมีสรรพคุณช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตและบรรเทาอาการปวดอีกด้วย หากใครเดินเที่ยวมาเมื่อยๆ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดน่าสนใจ รับรองช่วยให้ผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว

ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion)

ป้อมปราการสีขาวสไตล์นีโอโกธิคผสมนีโอโรมาเนสก์ เป็นป้อมปราการที่สร้างเพื่อระลึกถึงความเสียสละของกลุ่มชาวประมงที่รวมตัวกันปกป้องดูแลเมืองบูดาเปสต์ บริเวณป้อมปราการประกอบด้วยหอคอยสังเกตการณ์ 7 หอ ป้อมแห่งนี้นับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่ง จากบริเวณป้อมสามารถมองลงไปที่ฝั่งแม่น้ำดานูบ จะเห็นวิวรัฐสภาและสะพานเชนเซเชนยีที่สวยงาม ยิ่งถ้ามาตอนกลางคืนรับรองว่าได้รูปดีๆ กลับไปเต็มกล้องแน่นอน

จัตุรัสวีรชน (Heroes’ Square)

จัตุรัสวีรชนเป็นจัตุรัสสำคัญในเมืองบูดาเปสต์ สร้างขึ้นมาเพื่อฉลองครบรอบ 1,000 ปีประเทศฮังการี จัตุรัสวีรชนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์วีรบุรุษแห่งฮังการีในอดีต ประกอบด้วยผู้นำชาวฮังการีในการพิชิตชาวคาร์ปาเธียน (Carpathians) รวมไปถึงหัวหน้าชนเผ่าฮังการีทั้งเจ็ดองค์ ตรงกลางมีเสาสีขาวสูง 36 เมตร บนยอดเสามีรูปปั้นของกาเบรียล หัวหน้าทูตสวรรค์ยืนอยู่ นอกจากนั้นบริเวณรอบจัตุรัสก็มีทั้งสวนและพิพิธภัณฑ์ให้ทุกท่าน ไปแวะชมเก็บภาพประทับใจให้เต็มกล้อง

เกลเลิร์ต ฮิลล์ (Gellert Hill)

นำท่านชมวิวบูดาเปสต์ทั้งสองฝั่งได้แบบพาโนรามาก็ต้องมาที่ เกลเลิร์ต ฮิลล์ กันเลยครับ เพราะที่นี่เป็นเนินเขาสูง ทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองได้ทั้งสองฝั่งได้อย่างเต็มตา นอกจากนั้นด้านบนยังมีสัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างของฮังการี นั่นก็คืออนุสาวรีย์เทพีถือใบมะกอกชิตทาเดลลา (Cittadella) หรือที่บางคนจะรู้จักกันในชื่อเทพีเสรีภาพแห่งฮังการีนั่นเอง ระหว่างทางเดินขึ้นก็มีกำแพงจัดแสดงรูปภาพความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของเมืองบูดาเปสต์

เซเกสเฟเฮอร์วาร์ (Székesfehérvár)

เมืองเซเกสเฟเฮอร์วาร์ หรือ เมืองปราสาทแห่งรักชั่วนิรันดร์ เมืองเซเกสเฟเฮอร์วาร์เป็นเมืองสำคัญด้านประวัติศาสตร์ของฮังการี ) ปราสาทที่มีสถาปัตยกรรมแบบบาโรกผสมกับโกธิคก่อสร้างโดยอัศวินโบรี่ ที่สร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งรักอันเป็นนิรันดร์ของเขาที่มีต่อภรรยาของเค้านั่นเอง หากท่านใดที่ชื่นชอบอาคารบ้านเรือนสวยๆ ก็สามารถไปเดินเล่นที่จัตุรัสใกล้พระราชวังประจำเมืองกันได้

เมืองเอเกอร์ (Eger)

เมืองเอกอร์คืออีกหนึ่งเมืองที่เที่ยวน่าสนใจในฮังการี เป็นเมืองทางตอนเหนือที่มีโบสถ์สำคัญและมีสถานที่เก็บกระดูกบุคคลสำคัญในฮังการีไว้มากมาย อย่างโบสถ์เอเกอร์ (Eger Basilica) และหากใครชอบปราสาทที่มีกำแพงสูงเหมือนในเทพนิยาย อย่าพลาดเด็ดขาด ที่จะชมปราสาทเอเกอร์ นอกจากนั้นเอเกอร์ยังได้รับขนาดนามว่าเป็นเมืองแห่งไวน์ท่าน สามารถไปชิมไวน์บูลส์บลัดออฟเอเกอร์ (Bull’s Blood of Eger) ไวน์รสดีของฮังการีได้ที่หุบเขาแห่งสาวงาม (Valley of the Beautiful Woman)

เมืองเปชส์ (Pécs)

ที่สุดท้าย ท้ายสุดในฮังการีที่ m.p. อยากจะแนะนำได้แก่เมืองเปชส์ เมืองในหุบเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวิถีชีวิตชาวยุโรป ท่านสามารถแวะเวียนไปสัมผัสชีวิตวิถีชุมชนได้ เช่น ไปแช่น้ำร้อนที่ห้องอาบน้ำเก่าแก่ ที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ของชาวเติร์ก นอกจากนี้ที่เมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสุสานชาวคริสเตียนตอนต้น รวมไปถึงสุสานโบราณใต้ดิน เป็นต้น สุดท้ายที่ห้ามพลาดคือต้องไปชมมัสยิดโบราณขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปซึ่งได้เปลี่ยนมาเป็นโบสถ์ในภายหลัง

เป็นยังไงครับ สำหรับเมืองต้อง (พลาด) สถานที่แต่ละที่นั้นล้วนมีความหมาย และความสวยงาม ในแบบฉบับเมืองแห่งสถาปัตยกรรม กันเลยใช่มั๊ยครับ วันนี้ m.p. ต้องขอตัวเพื่อไปหาข้อมูล และ สถานที่เช็คอิน ชิค ชิค เก๋เก๋ ให้ทุกท่านได้ชมกันในบทความหน้ากันเลย ขอบพระคุณที่ติดตามพบกันใหม่ในเรื่องเล่าครั้งหน้าครับบบ^_^

ขอบคุณข้อมูลจาก Expedia