สวัสดีครับ พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่เคารัก เคารพ ทุกท่าน มาพบกับกับหนุ่มน้อยหน้ามน คนหน้าใส อีกแล้วนะครับ ตอนนี้สถานะการ์ณบ้านเมืองเราก็เริ่มจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงกับ 100% นั่นเป็นเพราะที่เราทุกคน ร่วมมือ ร่วมใจ ช่วยเหลือประเทศชาติบ้านเมืองของเรา วันนี้เรามาดูสถานที่ในเมืองกรุงที่ไม่ได้ไป ไม่ได้แล้ว..
กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย เมืองซึ่งเป็นจุดหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ถึงขนาดที่ว่าชาวต่างชาติบางคนรู้จักชื่อเมืองกรุงเทพดียิ่งกว่าชื่อประเทศไทยเสียอีก ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมอันวิจิตรของพระราชวังและวัดวาอาราม แหล่งรวมชอปปิงหลากหลายสไตล์ และสตรีทฟู้ดธรรมดาๆของบ้านเรานี่แหละ แต่รู้ไหมว่ากลับเป็นทีเด็ดสร้างชื่อเสียงระดับโลกเลยนะ หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำขวัญกรุงเทพคืออะไร เพราะจริงๆแล้วกรุงเทพเพิ่งมีคำขวัญเมื่อปี พ.ศ. 2555 นี่เอง โดยมาจากผลโหวตของประชาชน นั่นคือ “กรุงเทพฯดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย” รู้คำขวัญกรุงเทพกันแล้ว งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าเมืองหลวงแห่งนี้จะมีที่ไหนโดนใจให้เราตามไปเช็กอินกันบ้าง จะดุจเทพสร้างดังคำขวัญไหมน้า ซึ่งเราก็เชื่อว่าบางสถานที่หลายคนอาจยังไม่เคยไปด้วยซ้ำ!
1.ตลาดน้ำตลิ่งชัน
หลายคนขับรถไปไกลๆเพื่อไปหากุ้งเผาตัวโตๆกิน ลิ้มรสปูนึ่งน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ แต่จริงๆแล้วเราไม่ต้องไปไหนไกลเลย เพราะกรุงเทพก็มีแหล่งทะเลเผา ราคาย่อมเยาว์ ทั้งกุ้ง ปู หมึก หอยนานาชนิดชวนให้น้ำลายสอครบสูตร ที่นี่ก็คือตลาดน้ำตลิ่งชัน อยู่ในรัศมีตัวเมืองนี่เอง
ซึ่งนอกจากจะได้มากินอาหารทะเลเผา ยังได้มาสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นชาวสวนริมคลอง มีพ่อค้าแม่ขายพายเรือมาจอดเทียบท่า ขายทั้งก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย ส้มตำ ขนมจีนน้ำยาโบราณ พืชผักผลไม้สดๆจากสวนของชาวบ้าน ขนมไทยต่างๆ รับรองว่าอิ่มพุงกางแน่ๆ แล้วอย่าลืมแพลนมาเที่ยวให้ถูกช่วงด้วยล่ะ เพราะตลาดน้ำตลิ่งชันเปิดเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น.
2.ล้ง 1919
นอกจากเอเชียทีคที่ขึ้นชื่อในเรื่องที่เที่ยวริมน้ำแล้ว รู้หรือยังว่าพื้นที่บริเวณท่าเรือ ‘ฮวย จุ่ง ล้ง’ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้อย ได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กรวบรวมไว้ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมไทย-จีน
ภายในล้ง 1919 มีบริเวณกว้างขวาง สามารถใช้จัดกิจกรรมหรือนิทรรศการต่างๆได้ หรือใครจะมาชิลเอาท์ก็ทำได้เช่นกัน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยคาเฟ่ต่างๆ แตกต่างด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารร้านค้า ชวนให้นึกถึงวิถีชีวิตของผู้คนสมัยต้นรัตนโกสินทร์ จะมาถ่ายรูปเล่น ก็คงได้ถ่ายจนจุใจ หรือใครจะมาอุดหนุนงานศิลปะของเหล่าศิลปินรุ่นใหม่ ล้ง 1919 ก็มีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดีไซน์เก๋ๆ อีกส่วนที่ใครหลายๆคนต้องชอบคือสวนหญ้าสีเขียวที่มีวัดจีนเป็นฉากหลัง แลดูผ่อนคลาย สวยงามเหมือนอยู่เมืองจีนเลย
3.บ้านบางเขน
บางทีเราก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงวัยเด็ก ยุค 90’s จนนึกอยากย้อนวันวานกลับไป และเชื่อว่าอีกหลายๆคนก็คงคิดแบบเดียวกัน และนี่เป็นที่มาที่ทำให้บ้านบางเขนก่อกำเนิดขึ้น แหล่งแฮงค์เอาท์ชิคๆแหล่งใหม่ของชาวกรุง สามารถมานั่งเม้าท์มอยเวลาไหนก็ได้ เพราะที่นี่เปิดให้บริการ 24 ชม.
นอกจากขนม ของเล่น และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เราคุ้นตา บ้านบางเขนยังถูกตกแต่งในสไตล์บ้านไม้-บ้านอิฐปูนเป็นหลัก ทำให้บรรยากาศรอบๆ แลดูกลมกลืนเหมือนได้ย้อนกาลเวลากลับไปเป็นเด็กเลยจริงๆ บ้านบางเขนยังมีคาเฟ่น่ารักๆ ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ให้ได้นั่งเรื่อยๆ ชิลๆ ได้ทั้งวัน ส่วนใครสายบ้ากล้องอยากจะแชะภาพไปอวดเพื่อนในโซเชียล ที่นี่ก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆอีกเพียบ แถมยังดูวินเทจไม่เบาเลยนะจ๊ะ
4.ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง
จะเที่ยวป่าทั้งที บางทีก็ไม่ต้องขับรถไปไหนไกลเลย เพราะกรุงเทพยังมีศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง ซึ่งอยู่ในความดูแลของสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้เนรมิตพื้นที่กว่า 12 ไร่ เป็นศูนย์เรียนรู้ป่านิเวศขนาดเล็ก แถมเข้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น มีต้นไม้ พันธุ์ไม้ต่างๆกว่า 250 ชนิด มีนิทรรศการเมล็ดพันธุ์ไม้แบ่งออกเป็น 9 กลุ่ม
แล้วก็ห้ามพลาดขึ้นไปชมสวนลอยฟ้า (Roof Garden) ด้วยนะ สวยงามเหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ธรรมชาติจริงๆยังไงยังงั้น และอีกหนึ่งทีเด็ดคือการเดินบน Sky Walk ที่มีความยาว 200 เมตร ชื่นชมหมู่มวลต้นไม้เขียวขจี แถมยังมีนกชนิดต่างๆให้ได้สอดส่องกันอีกด้วย
เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร์ – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
เวลาเปิด 9.00 – 18.00 น.
5.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
กรุงเทพก็มีพิพิธภัณฑ์นะ แถมยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย นั่นคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เป็นที่ซึ่งรวบรวมประวัติศาสตร์ศิลปะ งานประณีตศิลป์และโบราณคดีต่างๆ นอกจากนี้ยังพบโบราณสถาน เช่น พระที่นั่ง พระตำหนักแดง ศาลาทรงไทยรูปแบบต่างๆ ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมและเห็นกับตาสักครั้งในชีวิต เพราะแบบนี้จึงทำให้ที่นี่นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มียอดผู้เข้าชมสูงสุดในประเทศอีกด้วย
ซึ่งล่าสุดก็ได้ถูกปรับปรุงในหลายๆส่วนเพื่อเข้าสู่มาตรฐานความเป็นสากล และเตรียมจะเปิดให้เข้าชมห้องนิทรรศการใหม่ๆ พร้อมด้วยวัตถุโบราณจากต่างชาติ ถือเป็นที่เที่ยวในกรุงเทพสำหรับคนหลงใหลในงานศิลปะอย่างแท้จริง
6.เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
คงไม่มีที่เที่ยวในกรุงเทพที่ไหนจะมีให้ครบเท่านี้อีกแล้ว ทั้งกิจกรรม ร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องเล่น และวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ สำหรับ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ หรือที่เราเรียกสั้นๆกันว่าเอเชียทีค เป็นชอปปิงคอมเพล็กซ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีร้านค้ากว่า 1,500 ร้าน และร้านอาหารอีก 40 ร้าน นอกจากบาร์และร้านอาหารริมน้ำขึ้นชื่อแล้ว รู้ไหมว่าเอเชียทีคยังมากไปด้วยร้านค้าแฟชั่น ร้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน โรงละครหุ่นกระบอก
การมาเที่ยวเอเชียทีคจึงเหมือนกับได้มาชื่นชมสถาปัตยกรรมโคโลเนียลในสมัชรัชกาลที่ 5 เพราะอาคารร้านค้าต่างๆ ยังคงสไตล์แบบเดิมไว้เพื่อสอดแทรกกลิ่นอายของบรรยากาศเก่าๆ ในอดีต และที่สำคัญยังมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ เป็นเหมือนแลนด์มาร์กเมืองกรุง สามารถซื้อตั๋วขึ้นมานั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ฟินสุดๆไปเลย
กรุงเทพ คือเมืองดุจเทพสร้างจริงๆ ไม่เพียงแต่วัดวาอารามเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งที่เที่ยวน่าสนใจมากมายที่ไม่ได้มีเพียงแต่ตึกสูงๆ เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย หากใครสนใจจะมาเที่ยวกรุงเทพฯ