วัน-เวลาทำการ :
วันจันทร์ - วันศุกร์ 09.00 - 17.00 น.

มาตราการป้องกัน “โควิด-19” ของแต่ละประเทศ

March 26, 2020 | by M.P. World Travel

มาตราการป้องกัน "โควิด-19" ของแต่ละประเทศ

1. จีนปิดประเทศและมีมาตราการเข้ามารับมืออย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถควบคุมโควิด-19 ได้
- จีนเริ่มจากการประกาศยกเลิกเที่ยงบินอย่างรวดเร็ว การยกเลิกเที่ยวบินก็เหมือนการปิดเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปประเทศอื่น เพราะสุดท้ายหากกระจายไปประเทศอื่นมันก็อาจจะวนกลับมาที่จีนอีกครั้งได้
- จีนกักกันโรคแบบเอาจริงเอาจังเพื่อลดการเพิ่มของ โควิด-19 เมื่อกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ทางรัฐบาลจีนก็จะมีรถมารับเพื่อทำการกักัตัว วัน ซึ่งระหว่างนี้การเป๋าเดินทางสัมภาระทุกอย่างจะถูกนำไปฆ่าเชื้อโรค และนำส่งไปที่ห้อง โดยภานในห้องจะมีลักษณะเป็นประตู 2 ชั้น เมื่อเปืดประตูเข้าไปจะเป็นทางเดินเล็กๆ ก่อจะเจอประตูอีกอันหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ตรงนี้จะเป็นบริเวณเอาไว้ส่งอาหาร เวลาพนักงานจะนำของมาวางแค่เพียงบริเวณนี้เท่านั้น
- ความปลอดภัยของบุคคลากรทางการแพทย์เป็นเรื่องที่สำคัญ สาธารณะสุขต่างๆ ก็เรียกว่ารัดกุมมากๆ เช่นกัน โดยทีมอพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะสวมชุดที่มีลักษณะคลุมทั้งตัวเพื่อความปลอดภัยขั้นสุด นอกจากนี้ทางการจีนได้ให้ข่าว ข้อมูล และข้อปฎิบัติที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธี รวมถึงระดับความรุนแรงและพื้นที่แพร่กระจายอย่างครบถ้วน ไม่เพียงเท่านี้ ที่จีนได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจตราด้วย โดยใช้ช่อว่า "Health QR Code" ใครที่จะเข้าเมืองหรือไปที่ต่างๆในเมืองต้องมีการสแกน QR Code ประจำตัวก่อน โดยมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเขียว แสดงว่าคุณจะไปที่ไหนก็ได้เพราะคุณได้ผ่านการกักักันตัวเองแล้ว 14 วัน สีเหลือง คือเหลือต้องกักตัวเองอีก 7 วันสุดท้าย สีแดง คือต้องกักตัวเอง 14 วัน โดยจะต้องทำการอัพเดทสถานะสีของตัวเอง ต้องทำการวัดอุณภูมิตัวเองแล้วอัพโหลดโปรไฟล์ของเรา เพื่อที่จะคงหรือเปลี่ยนสถานะของเราให้เป็นสีเขียวนั่นเอง
 
 
2. สิงคโปร์มีการเตรียมรับมืออย่างรวด้เร็วและมีประสิทธิภาพทำให้การแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด
- รัฐบาลสิงคโปร์ได้ตั้งศูนย์กลางการสื่อสาร โดยจะส่งอัพเดทให้ประชาชนทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นข้อปฎิบัติ จำนวนผู้ติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งการอัพเดทว่ามีพื้นที่ใดเป็นพื้นที่เสี่ยง ส่วนเรื่องการกักตัว แม้ว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะไม่ได้คุมเข้มแบบพาไปส่งที่พักเหมือนจีน แต่รัฐบาลก็จะค่อยให้ผุ้กักตัวส่ง Location ให้วันละ 3 ครั้ง โดยการสุ่มเวลา เพื่อยืนยันว่าอยู่บ้านจริงๆ แม้จะไม่เข้มงวดเท่าของจีนแต่ก็ยังเ็นมาตราการที่ดีอยู่
- ส่วนเรื่องระบบการทำงานของบริษัทต่างๆ แน่นอนว่าทุกคนถ้าเลือกได้คงเลือกอยากกักตัวเองกันทั้งนั้น เพราะกลัวเหมือนกัน แต่ที่กักไม่ได้เพราะว่าต้องไปทำงาน ไม่ทำก็ไม่มีรายได้ ซึ่งบริษัทต่างๆของสิงคโปร์ได้มีรพบบนี้เพื่อรองรับการทำงานที่บ้าน (Worl From Home) โดยจะแบ่งกลุ่มพนักงานเป็น 4 กลุ่ม โดยจะให้เข้ามาทำงานโดย 2 กลุ่มแรกให้เข้าช่วงต้นเดือน และ 2 หลุ่มหลังให้เข้าช่วงกลางเดือน เพื่อสลับกันหยุด
 
3. เกาหลีใต้ใช้เทคโนโลยีในการสกัดจับผู้ติดเชื้อทำให้สามารถระบุผู้ติดเชื้อและจำกัดบริเวณได้อย่างรวดเร็ว
- สุดท้ายอยากพาวนไปแดนโสม ประเทศเกาหลีใต้กันซักหน่อย แม้เกาหลีใต้จะเจอกรณีที่เรียกว่า Super Spreader หรือที่เรารู้จักกันในนาม "คุณป้ามหาภัย" ซึ่งทำให้ยอดติเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี หลังจากเหตุการ์ณนั้นทำให้ผู้คนและรัฐบาลเริ่มตื่นตัวแหละหันมาสู้กับโรคอย่างจริงจังมากขึ้น โดยผลงานเด่นๆที่เกาหลีใต้ทำ ที่ต่างจากประเทศอื่นคือ เกาหลีได้คิดค้นเครื่องตรวจสอบผู้ติดเชื้อแบบใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้วันหนึ่งหลักหมื่นคน ทำให้ระบุและตามหาผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วนับเป็นเทคโนโลยีที่ทีประโยชน์อย่างมากจริงๆ ถามว่าหลักหมื่นเยอะแค่ไหน ก็ถ้าเทียบกับไทยเราตั้งแต่ระบาดมากินเวลาไปเกือบ 2 เดือนแล้วในไทยยังตรวจไปไม่เกิน 5000 รายเลยด้วยซ้ำ
 
สรุปแล้ว โควิด-19 จะน่ากลัวแค่ไหน แต่ถ้าเราคิดมาตราการที่ "เหมาะสม" และ "รวดเร็ว" เราก็มีโอกาสที่จะชนะอย่างที่จีนและเกาหลีใต้ทำได้ แต่เราอาจจะต้องจริงจังแบบจีนที่เรียกว่ากักตัวคือกักตัว ไม่มีการใช้ระบบความเชื่อใจ สุดท้ายก็จะมีคนไม่สนโลกแบบ Super Spreader ให้เห็นอีกแน่ๆ รักษาตัว ดูแลสุขภาพกันให้ดีนะครับทุกคน
ขอบคุณสาระดีๆจาก Money Buffalo

เพิ่มเพื่อน

Admin แนะนำบทความ ที่น่าสนใจอื่นๆ...